Naval Ravikant ชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เป็นนักธุรกิจ และนักลงทุนใน Startup เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง, Chairman และอดีต CEO ของ AngelList ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงนักลงทุนกับ Startup และยังเป็นนักลงทุนรายแรก ๆ ในบริษัทชื่อดังอย่าง Twitter, Uber, Notion, และ Yammer
ไอเดีย ความคิดหลาย ๆ อย่างของเขาน่าฟัง และจดตามมาก ๆ
เลยมีคนไปรวบรวมไอเดีย แนวคิด รวมไปถึงบทสัมภาษณ์ที่ คุณ Naval ได้แชร์ไปยังสื่อต่าง ๆ มารวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ที่เดียวครับ
ผมคิดว่าเป็นหนังสืออีกเล่มที่ให้ข้อคิดที่ดีทั้งในเรื่องของการสร้างความมั่งคั่ง และที่สำคัญคือ วิธีมีความสุข กับโลกในยุคปัจจุบัน
ผมเลยเอาข้อคิดที่ชอบและคิดว่าสำคัญจากหนังสือมาสรุปให้เพื่อน ๆ อ่านกันครับ
Wealth: วิธีสร้างความมั่งคั่ง
1. Collect Asset: สะสมทรัพย์สิน
ความมั่งคั่งเกิดจากการสะสมทรัพย์สิน ซึ่งคำว่าทรัพย์สินในที่นี้หมายถึงสิ่งที่สร้างรายได้ให้คุณขณะนอนหลับ
สุดท้ายแล้วเราไม่สามารถแลก “เวลา” ไปเพื่อหาเงินได้ตลอดชีวิต
2. Productize yourself: สร้างตนเองให้กลายเป็นสินค้า
สะสมทักษะเฉพาะด้าน (Specific Knowledge) ที่เราทำได้ดีกว่าคนอื่น หรือหาคนทำแทนได้น้อย แล้วหาวิธีที่จะสร้างคุณค่าจากทักษะเหล่านั้นให้กับคนจำนวนมาก ๆ (Scaling & Leverage)
3. Buy or build equity: สร้าง หรือซื้อหุ้นส่วนในธุรกิจ
คุณสามารถสร้างเงินได้จากการขายเวลาให้คนอื่น แต่สุดท้ายแล้วการที่คุณจะมีอิสระภาพในด้านการเงินคุณต้องเป็นเจ้าของกิจการไม่ทางตรง ก็ทางอ้อม
ถ้าเราไม่ได้สะสมธุรกิจไว้เลย คุณจะไม่มีทางได้เงินมากไปกว่าแรงที่คุณออกไป เมื่อใดที่คุณหยุดพัก หรือป่วย เมื่อนั้นกระแสเงินสดก็หยุดไหลเข้ามา
4. Leverage: ใช้เครื่องทุ่นแรง
การใช้ Leverage จะทำให้คุณสามารถขยายความสามารถในการหาเงินด้วยการแก้ปัญหา หรือส่งมอบสิ่งที่คนต้องการได้กับคนจำนวนมาก
คุณ Naval ได้แบ่งการใช้ Leverage ออกเป็นทั้งหมด 3 แบบ คือ
- แรงงาน (Labor): เป็นรูปแบบการใช้ Leverage ที่เก่าแก่ที่สุด และเป็น Leverage ประเภทที่ยากที่สุด เพราะการบริหารคนนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย แต่หากทำได้ก็จะช่วยทำให้คุณสามารถขยายการหาเงินออกไปได้
- เงินทุน (Capital): หรือพูดง่าย ๆ ก็คือการลงทุนหรือขยายกิจการโดยใช้ เงินกู้ แทนเงินทุนตัวเอง ทำให้สามารถ สร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มทุนมาก เศรษฐีที่รวยขึ้นมาในสองสามทศวรรษที่ผ่านมา หลายคนเลือกใช้หนี้เป็นเครื่องมือในการขยายกิจการของตนเองทั้งนั้น แต่ก็เพิ่มความเสี่ยง เพราะต้องชำระดอกเบี้ยและเงินต้นตามกำหนดด้วย ดังนั้นคนที่สามารถบริหารเงินทุนได้เก่ง ๆ สามารถขยายธุรกิจหรือการลงทุนให้ทั้งกำไรและชำระหนี้ได้ จึงมีความมั่งคั่งสูงนั่นเอง
- ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีต้นทุนเพิ่มในการทำซ้ำ (Product with no marginal cost of replication): ยกตัวอย่างเช่น หนังสือ หนัง วีดิโอ หรือ Coding คุณ Naval เน้นย้ำ Leverage รูปแบบนี้เป็นพิเศษ เพราะเขามองว่าเป็น Leverage ที่ทรงพลังมาก ๆ ในยุคนี้ เพราะคุณเขียนโปรแกรม หรือสอนหนังสือผ่านวีดิโอ สร้างออกมาแค่ 1 ครั้ง คุณจะขายให้ 1 คน หรือ 100 คนใช้ ก็ไม่ได้ต้องเขียนโปรแกรมใหม่ หรือเริ่มสอนใหม่ทั้งหมด
5. สร้างสิ่งที่ผู้อื่นต้องการ ออกไปโชว์ผลงานของคุณ แล้วที่สุดคอนเนคชั่นที่ใช่จะหาคุณเจอเอง
Naval คิดว่าเราไม่ควรโฟกัสกับ Business Networking หรือคอนเนคชั่นมากเกินไป เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ถ้าคุณเป็นคนมีความสามารถ มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันผู้คนจะค่อย ๆ เข้าหาคุณเอง
เขาเชื่อในไอเดียที่ว่า “สร้างสิ่งที่ผู้อื่นต้องการ ออกไปโชว์ผลงานของคุณ แล้วสุดท้ายคอนเนคชั่นที่ใช่จะหาคุณเจอเอง” มากกว่าเอาเวลาไปโฟกัสกับการหาคอนเนคชั่นเป็นหลัก
Happiness: วิธีสร้างความสุข
ความสุขเป็นทักษะ และคุณสามารถเรียนรู้มันได้
Happiness is a skill.
เช่นเดียวกับร่างกาย จิตใจก็สามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้มีความสุขได้ด้วยตนเอง
แต่เรากลับใช้เวลาส่วนใหญ่พยายามเปลี่ยนแปลงโลกภายนอก คนอื่น หรือแม้แต่รูปร่างของเราเอง
สำหรับ Naval ความสุข ไม่ใช่การคิดบวก ทำเรื่องดี ๆ ไปเสียทีเดียว ไม่ได้เกี่ยวกับการหยุดคิดลบ ๆ
แต่สำหรับเขาคือสภาวะที่เป็นกลางในทางจิต
ไม่มีความอยากได้อยากมี ยิ่งมีความอยากน้อย
ไม่พะวงกับอนาคต หรืออดีต ยอมรับและอยู่กับปัจจุบันได้
นั่นคือความสุขสำหรับ Naval
ความอยากคือความทุกข์
Every desire is chosen unhappiness.
แนวความคิดเรื่องความสุขของ Naval แตกต่างจากแนวคิดเรื่องความสุขในโลกตะวันตกส่วนใหญ่
เขาบอกว่า ในทุก ๆ เป้าหมาย ทุก ๆ ความต้องการของคุณ มันคือสัญญาที่คุณผูกมัดไว้กับตนเองว่า เราจะไม่มีความสุขจนกว่าเราจะได้ในสิ่งที่ต้องการ
“สิ่งที่เป็นข้อผิดพลาด คือผใคิดว่าเราจะมีความสุขได้ก็ต่อเมื่อได้รับสิ่งของ หรือเหตุการณ์ภายนอก ผมรู้ว่าไอเดียนี้ไม่ได้แปลกใหม่อะไร ในศาสนาพุทธก็มีคำสอนในเรื่องนี้มานาน ผมแค่พึ่งมาเข้าใจมันเมื่อไม่นานมานี้
พอเราได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เราก็จะเลิกมองมันทันที เหมือนรถที่ผมซื้อใหม่ แล้วเราก็ออกไปหาสิ่งที่เราต้องการใหม่อีกโดยหวังว่ามันจะให้ความสุขกับผม ผมคิดว่านั่นเป็นความสุขเทียม
ความสำเร็จไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขนักหรอก
Success does not earn happiness.
Naval บอกว่า “ชีวิตผมสู้ และผ่านอะไรมาค่อนข้างเยอะกว่าจะมีความสำเร็จทางโลก และพอจะเป็นที่ยอมรับในสังคม”
“ผมพูดคุยกับคนเก่ง ๆ รอบ ๆ ตัวที่ประสบความสำเร็จหลายคน และผมกลับพบว่า
“พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้มีความสุขเสียขนาดนั้น”
ผมจึงคิดว่า ‘ความสุขที่แท้จริงมันมาจากข้างในมากกว่า’”
“ถ้าถามผมเมื่อก่อนว่า ‘คุณคิดว่าใครคือคนที่ประสบความสำเร็จสำหรับคุณ’ ผมคงตอบ Steve Jobs ไม่ก็ Elon Musk
“แต่ถ้าผมตอนนี้ ผมว่าคนที่ปล่อยวางได้ทุกอย่าง มีความสุขได้โดยพึ่งตนเอง มีสติอยู่กับปัจจุบัน คือผู้ชนะ”
เอาจริง ๆ ผมว่าคนอย่าง “พระพุทธเจ้า” เขาก็สำเร็จในแบบของเขานะ เพราะเขาออกจากเกมทางโลกไปเลย
“การประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลวในเรื่องทางโลก ไม่ได้มีความหมายกับเขาอีกต่อไป”
จงระวังความอิจฉา
ระวังเรื่องการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นให้มาก ๆ
ความสุขภายนอกมันคือการแข่งขัน
หาเงินให้ได้เยอะ ๆ อยู่บ้านใหญ่ ๆ
แต่ว่าความสุขภายในมันคือ เกม Single-player
เราแข่งกับตนเองเท่านั้น
ในความเป็นจริงแล้วชีวิตมันคือความโดดเดี่ยว
เราเกิดคนเดียว ตายคนเดียว
สุดท้ายแล้วต่อให้ภายนอกเราจะดูมีความสุขแค่ไหนในสายตาคนอื่น
แต่ถ้าภายในคุณทุกข์ นั่นแปลว่า คุณแพ้
บทส่งท้าย
เป็นหนังสืออีกเล่มที่ทำให้คิดอะไรหลาย ๆ ได้ดี โดยเฉพาะในเรื่องของความสุข
จริง ๆ ในบทท้าย ๆ Naval บอกว่าเขาชอบหลักการของพระพุทธศาสนานะ มันดูมีเหตุผลดี
ก็เลือกเอาใช้ในส่วนที่คิดว่าเป็นประโยชน์
โดยรวมผมคิดว่าเป็นหนังสือที่อ่านง่ายมาก เหมือนมีคนมานั่งคุยกับเรา ทำให้หนังสือจบได้ในวันเดียวครับ
จริง ๆ มีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ ไปหามาอ่านกันนะ