เติบโตไปกับหุ้นทั้งโลกด้วยดัชนี MSCI All Country World Index

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้ผมนำสรุปข้อมูลของกองทุนอ้างอิงดัชนีที่น่าสนใจอย่าง MSCI All Country World Index (MSCI ACWI) มาฝากครับ น่าจะเป็นดัชนีที่หลาย ๆ คนได้ยินกันบ่อย โดยโพสนี้ผมได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐาน สถิติย้อนหลังในอดีตเปรียบเทียบกับดัชนีอื่น ๆ และแหล่งช่องทางการซื้อขายมาย่อยให้เพื่อน ๆ นักลงทุนครับ

MSCI All Country World Index (MSCI ACWI) คืออะไร?

MSCI ACWI จัดทำโดยบริษัท Morgan Stanley Capital International (NYSE: MSCI) เป็นดัชนีชี้อ้างอิงหุ้นจากตลาดทั่วโลก โดยให้น้ำหนักเรียงตาม Market capitalization

MSCI ACWI ประกอบด้วยหุ้นกว่า 2800 บริษัทขนาด Mid-cap และ Large-cap แบ่งเป็นสองส่วนคือบริษัทจาก 23 ประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Market: DM) เช่นฝั่งอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป ฯลฯ โดยมีดัชนีส่วนนี้อีกทีชื่อว่า MSCI World และอีกส่วนคือบริษัทจากอีก 24 ประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets: EM) ชื่อดัชนี MSCI Emerging Markets

โดยหุ้นใน MSCI ACWI จะได้รับการรีวิวและทำ Rebalance อยู่ตลอดเพื่อเพิ่มหรือลบหุ้นออกจากดัชนี ให้แน่ใจว่าดัชนีสะท้อนถึงสภาวะตลาดในปัจจุบันอย่างถูกต้องและเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้

ปัจจุบัน จากข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2024 MSCI ACWI มีมูลค่า Market Cap 69,674 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,500 ล้านล้านล้านบาท

โดย Top 10 Holding ของ MSCI ACWI ประกอบไปด้วยหุ้นดังนี้*

*จากข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2024

  1. MICROSOFT CORP คิดเป็นสัดส่วน 4.40%
  2. APPLE คิดเป็นสัดส่วน 4.01%
  3. NVIDIA คิดเป็นสัดส่วน 3.42%
  4. AMAZON.COM คิดเป็นสัดส่วน 2.61%
  5. ALPHABET A คิดเป็นสัดส่วน 1.54%
  6. META PLATFORMS A คิดเป็นสัดส่วน 1.53%
  7. ALPHABET C คิดเป็นสัดส่วน 1.36%
  8. LILLY (ELI) & COMPANY คิดเป็นสัดส่วน 1.01%
  9. BROADCOM คิดเป็นสัดส่วน 0.93%
  10. JPMORGAN CHASE & C คิดเป็นสัดส่วน 0.89%

หากมองสัดส่วนของธุรกิจในแต่ละภาคส่วนก็จะพบว่า ดัชนีนี้จะ Overweight ไปในส่วนของ Information Technology (23.22%), Financials (15.36%) และ Health Care (11.99%) เป็น Top 3 หลัก

ภาคส่วนที่เหลือมีสัดส่วนการลงทุนที่น้อยกว่า โดยมีตั้งแต่ 11.3% สำหรับ Industrials ไปจนถึง 2.19% สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์

และถ้าเป็นสัดส่วนตามประเทศก็จะเห็นครับว่าน้ำหนักไปลงที่อเมริกาถึง 70% เลย รองลงมาก็จะเป็น ญี่ปุ่น อังกฤษ และฝรั่งเศส ครับ

Performance ย้อนหลัง MSCI ACWI & MSCI World Index

หลังจากที่รู้จักดัชนีตัวใหญ่มากขึ้นแล้ว เราลองมาดูผลตอบแทน และ Risk profile ของดัชนีนี้กันบ้าง

จากตารางนี้จะเห็นได้ว่า MSCI World (ส่วนที่มีแค่ประเทศ DM) ได้ผลตอบแทนสูงเบอร์หนึ่งไม่ว่าจะดูที่ Annualized Return ตั้งแต่เริ่มวัดดัชนี, 10 ปี, 5 ปี, และ 3 ปีย้อนหลัง ได้ผลตอบแทนสูงสุด นอกจากนี้พอมาดูผลตอบแทนต่อความเสี่ยง Shapre Ratio ในตารางที่ 2 ด้านล่าง ตัวดัชนีที่เป็น MSCI World ก็นำเป็นอันดับหนึ่งครับ

ส่วน MSCI Emerging Markets จริง ๆ หากนำตั้งแต่เริ่มก่อตั้งดัชนีก็จะพบว่า Annualized Return และ Sharpe Ratio ไม่ได้แย่เลย (9.51% และ 0.38 ตามลำดับ) แต่ 10 ปีที่ผ่านมาผลตอบแทนถือว่าแพ้ดัชนีอื่น ๆ ไปค่อนข้างมากเลยทีเดียวครับ ยิ่งถ้าเทียบ Sharpe Ratio เข้าไปอีกก็ทิ้งห่างเพื่อนไปเลยครับ

เทียบ MSCI ACWI กับดัชนีเพื่อนบ้าน 10 ปีที่ผ่านมา

ทีนี้เรามาลองดูกันว่าถ้าเทียบกับ ETF ดัชนีอื่น ๆ ในตลาดหุ้นอเมริกาอย่าง NASDAQ100 (QQQ) และ S&P500 (SPY) กับ MSCI ACWI จะให้ผลตอบแทนแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ

หากเราอ่านจากตารางและกราฟ จะพบว่า NASDAQ100 (QQQ) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีสูงสุดที่ 17.27% นับตั้งแต่ปี 2015 ตามมาด้วย S&P500 (SPY) 12.01% และ MSCI ACWI 8.71% ซึ่งหากมองผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Sharpe Ratio) NASDAQ100 (QQQ) ก็ยังคงมีค่าสูงสุดเหมือนเดิมครับ

มาดู Maximum Drawdown กันบ้าง QQQ เห็นได้ชัดเลยว่านำโด่งกว่าเพื่อนเลย ติดลบสูงสุด -35.58% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

แต่ถ้าเราดู Maximum drawdown ตั้งแต่ Inception เลย จะพบว่า QQQ Drawdown หนักสุดก็คือปี 2000-2002 ลบไปถึง -82.98% และใช้เวลา Recover ถึง 3113 trading sessions หรือประมาณ 12 ปี!

ส่วน MSCI ACWI Maximum drawdown since inception อยู่ที่ -56% ในช่วงปี 2008-2009 ใช้เวลา Recover 983 trading sessions และ SPY Maximum drawdown since inception อยู่ที่ -55.19% ในช่วงปี 2008-2009 ใช้เวลา Recover 869 trading sessions*

*ตัวเลขผมนำมาจากเว็บ Portfoliolabs.com นะครับ แต่กราฟในภาพจาก Tradingview ต้องการแสดงให้ดู Drawdown และช่วงเวลาที่เกิดคร่าว ๆ เฉย ๆ ครับผม

ลงทุนตามดัชนี MSCI ACWI เหมาะกับใคร?

MSCI ACWI เหมาะมากที่จะเป็น Core Portfolio สำหรับใช้เพื่อการเกษียณ เน้นเติบโตอย่างสม่ำเสมอในความเสี่ยงที่ต่ำครับ แต่ทีนี้ถ้าเพื่อน ๆ สังเกตเห็นพบว่า S&P500 Index นั้นได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า MSCI ACWI ไปค่อนข้างมากถึง 4% มี Maximum Drawdown ที่ใกล้เคียงกัน และผลตอบแทนต่อความเสี่ยงสูงกว่า MSCI ACWI อีกด้วย

ตรงนี้เพื่อน ๆ อาจจะต้องลองพิจารณาครับว่าแบบไหนที่ตนเองโอเคกว่า เพราะถึงแม้ S&P500 Index จะมีตัวเลขเชิงปริมาณที่ดีกว่า MSCI ACWI หมดเลย แต่ต้องอย่าลืมว่า S&P500 Index เป็นหุ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด ดังนั้นสมมติหากเราเลือก MSCI ACWI แล้ววันใดวันหนึ่งบริษัทในประเทศจีนเติบโตจนมี Market Cap สูงกว่า S&P500 ก็อาจจะทำให้เราพลาดโอกาสที่จะมี Exposure กับหุ้นฝั่งประเทศจีนด้วยครับผม

แต่บางคนก็อาจจะเถียงได้ว่าหุ้นอเมริกามันเป็นหุ้นโลกไปแล้ว เพราะแต่ละบริษัทก็ขายสินค้าและบริการทั่วโลกทั้งนั้น ฮ่า ๆ อันนี้ไม่ว่ากันครับ อาจจะจัดทั้งสองอย่าง หรือเน้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามสัดส่วนที่เพื่อน ๆ นักลงทุนพอใจ และรับความเสี่ยงได้เลยครับ

ส่วนถ้าถามว่าระหว่าง MSCI ACWI กับ MSCI World Index เลือกอะไรดี ผมคิดว่าต้องถามตัวเองเป็นหลักครับผม ว่าต้องการที่จะมีสัดส่วนการลงทุนของฝั่งโลกตะวันตกในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก หรือต้องการมีกลุ่ม Emerging Market เค้าไปด้วย

อยากลงทุนใน MSCI ACWI ซื้อที่ไหนได้บ้าง?

ทางเลือกที่ 1: ซื้อผ่าน ETF โดยตรง

ETF หลัก ๆ ที่ล้อไปกับดัชนี MSCI AC World Index และ MSCI World Index มีหลัก ๆ อยู่ 2 ตัวครับ คือ ACWI และ URTH ซึ่งจะต้องซื้อผ่านโบรกเกอร์ที่รองรับการซื้อขายผ่านตลาดหุ้น NYSE ของประเทศสหรัฐฯ โดยมีข้อมูลคร่าว ๆ ดังนี้ครับ

ACWI (iShares MSCI ACWI ETF)

iShares MSCI ACWI ETF (ACWI) เป็นกองทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Exchange-Traded Fund: ETF) ซึ่งอ้างอิงดัชนี MSCI AC World ดัชนีกองทุนนี้ติดตามดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด (Market Cap-Weighted Index) ของหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วโลก ครอบคลุม 85% ของมูลค่าตลาดในตลาดที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ ACWI ก่อตั้งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2008 และออกโดย BlackRock

  • Ticker: ACWI
  • Benchmark: MSCI ACWI Index
  • Gross Expense Ratio: 0.32%
  • Assets Under Management (AUM): $18.56 billion (05-06-2024)
  • Net Asset Value (NAV): $111.89 (05-06-2024)
  • Number of Holdings: 2,435
  • Options: Available
  • Dividend Yield: 1.71%
  • Payout Frequency: Semi-Annual

URTH (iShares MSCI World ETF)

iShares MSCI World ETF (URTH) เป็นกองทุน ETF อ้างอิงดัชนี MSCI World ดัชนีนี้เป็นดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด (Market-Cap-Weighted Index) ของหุ้นที่ครอบคลุม 85% ของมูลค่าตลาดในโลกที่พัฒนาแล้ว URTH ก่อตั้งเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2012 และออกโดย BlackRock

  • Ticker: URTH
  • Benchmark: MSCI World index
  • Gross Expense Ratio: 0.24%
  • Assets Under Management (AUM): $3.45 billion (05-06-2024)
  • Net Asset Value (NAV): $146.90 (05-06-2024)
  • Number of Holdings: 1,470
  • Options: Available
  • Dividend Yield: 1.54%
  • Payout Frequency: Semi-Annual

ทางเลือกที่ 2: ซื้อผ่านกองทุนรวมในประเทศไทย

เป็นอีกทางเลือกการลงทุนสำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการประหยัดภาษีหุ้นต่างประเทศ แถมยังมีตัวเลือกลดหย่อนทางภาษีต่าง ๆ ทั้ง SSF และ RMF อีกด้วย (แต่ผมไม่ได้ใส่กลุ่มนี้มานะ) ซึ่งจริง ๆ แล้วกองทุนรวมพวกนี้ก็เอาเงินเราไปซื้อ ETF ดังกล่าวอีกทีนั่นแหละ ถามว่าใครเหมาะกับการซื้อแบบกองทุน ก็ต้องดูเรื่องของการวางแผนภาษีของเพื่อน ๆ ครับผมว่าแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน

Reference

https://www.investopedia.com/terms/m/msci.asp

https://portfolioslab.com/symbol/QQQ

https://www.portfoliovisualizer.com/backtest-portfolio#analysisResults

https://stockanalysis.com/etf/compare/acwi

https://www.msci.com/documents/10199/8d97d244-4685-4200-a24c-3e2942e3adeb

https://ycharts.com/companies/ACWI/total_assets_under_management

https://stockanalysis.com/etf/acwi

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save