สวัสดีปีใหม่ 2025 ทุกคนนะครับ ^^
ยอมรับว่าหายไปค่อนข้างนานเลยยย แอบไปเที่ยวมาครับฮ่า ๆ
ขอเปิดบทความแรกของปีด้วยบทความ Wealth Clinic The Series EP03 วางแผนการเงินเรื่อง แผนเกษียณ
บทความนี้ตั้งใจให้เพื่อน ๆ อ่านจบปุ้บ ได้แผนเกษียณ และเอาไปใช้วางแผนการลงทุนต่อได้เลย
ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยยย!
ทำไมต้องวางแผนเกษียณ

1. เงินหมดก่อนตาย หรือตายก่อนเงินหมด
ความเสี่ยงแรกที่ทุกคนต้องเจอในเรื่องของการเกษียณก็คือ ความเสี่ยงที่อายุเราจะยืนยาวเกินกว่าเงินและทรัพย์สินที่มี!
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเงินไม่พอใช้ตอนแก่นั่นเอง
เพราะฉะนั้นการวางแผนเกษียณคือการวางแผนให้เรามีเงินพอใช้ยามแก่นั่นเอง
2. เงินเฟ้อ
ประเด็นนี้จริง ๆ เป็นประเด็นที่ใหญ่มากแต่สำคัญ ผมขอเล่าให้ฟังสั้น ๆ แบบนี้ครับ
เงินเฟ้อคือการเสื่อมมูลค่าของเงิน
ส่งผลให้อำนาจในการซื้อขายของเราลดลงไปด้วยเงินจำนวนเท่าเดิม
เป็นที่มาว่าทำไมเงิน 10 บาทวันนี้ ซื้อได้แค่ลูกอม แต่เงิน 10 บาทเมื่อ 40 ปีที่แล้วเราซื้อก๋วยเตี๋ยวกินได้จนอิ่มเลย
เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเงินที่เราใช้ทุกวันนี้เป็นเงินที่มีคุณสมบัติในการรักษามูลค่าต่ำ เพราะไม่มีสินทรัพย์รองรับเหมือนในอดีต
ในสมัยก่อน เราใช้ทองคำ (Gold Standard) เป็นมาตรฐานสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ค่าเงินในประเทศต่าง ๆ ถูกกำหนดตามมูลค่าของทองคำ
ดังนั้นธนาคารกลางจะต้องมีทองคำสำรองเพื่อสนับสนุนเงินที่พิมพ์ออกมา โดยเงินสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำได้ตามอัตราที่กำหนด
แต่ในปี 1971 ระบบ Gold Standard ถูกยกเลิก เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ประกาศยุติการผูกค่าเงินดอลลาร์กับทองคำ ซึ่งเรียกว่า “Nixon Shock” เหตุการณ์นี้เป็นจุดสิ้นสุดของระบบการเงินที่ใช้ทองคำเป็นตัวกำหนดมูลค่าเงินทั่วโลก และทำให้เงินในปัจจุบันกลายเป็นเงินที่ไม่มีสินทรัพย์รองรับ (Fiat Money) ที่อาศัยความเชื่อมั่นเป็นหลัก
จึงเป็นที่มาว่าทำไมเงินที่เราใช้ทุกวันนี้ถึงเฟ้อขึ้นเรื่อย ๆ และไม่สามารถรักษามูลค่าได้นั่นเอง
3. สุขภาพ และสวัสดิการรัฐฯ
สุขภาพ เป็นเรื่องที่ใหญ่มากสำหรับตัวเราในตอนแก่ชรา เพราะอัตราการเข้าโรงพยาบาลของเราจะสูงขึ้นมาก ยิ่งอายุเยอะ ร่างกายเรายิ่งเปราะบาง และเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ นานา
เคยได้ยินประโยคนี้ไหมครับ
“หาเงินมาทั้งชีวิต สุดท้ายแก่มาเอาไปให้หมอหมด”
เราจึงต้องเตรียมความพร้อมสำหรับความเสี่ยงในเรื่องนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการดุแลร่างกายตนเองตั้งแต่ตอนที่ยังแข็งแรง และวางแผนในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลตอนเกษียณแล้วด้วยครับ
4. หนี้สินหลังเกษียณ
ตอนเราเด็ก ๆ มีหนี้ มันยังพอมีแรงทำงาน ยังมีเวลามากพอที่จะสามารถเติบโตในอาชีพการงาน ธุรกิจ และการลงทุน เพื่อเอาชนะหนี้ได้
แต่ลองนึกภาพ Worst Case ตอนเรา 65 ปี เราทำงานไม่ได้ดีเท่าตอนหนุ่ม ๆ แล้วยังต้องมาใช้หนี้สินอีก แทนที่จะได้พัก ดันต้องมาเหนื่อยบังคับตัวเองให้ไปทำงานต่อ
หนี้หลังเกษียณ เป็นอีกความเสี่ยงที่เราจะต้องวางแผนไว้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ไม่ให้มันไปกระทบเราตอนแก่ครับ
5. แบ่งเบาภาระลูกหลาน และพึ่งตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ
ถึงแม้เราจะมีลูก เราก็ควรที่จะวางแผนเตรียมพร้อมดูแลตนเองยามแก่ด้วยครับ
เพราะจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของคนรุ่นใหม่ให้เขาได้โฟกัสกับอนาคตของตนเองโดยไม่ต้องห่วงเรา
การที่เราได้วางแผนดูแลตัวเองตอนแก่ชรา จะทำให้เราภูมิใจในตัวเอง ไม่ต้องเป็นภาระคนอื่น สามารถมีชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งใครมากเกินไป (ในเรื่องเงิน)
มาเริ่มวางแผนเกษียณ Step By Step กันเถอะ!
เป้าหมายหลักของการวางแผนการเกษียณมี 3 เรื่องหลัก ๆ ที่เราต้องการหาคำตอบครับ
- ทุน (Future Value): เงินก้อนที่ต้องมีในวันที่เกษียณ เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายจนถึงสิ้นอายุขัย
- PMT (Payment): จำนวนเงินที่ต้องเก็บออมอย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือนเพื่อให้ถึงเป้าหมายทุนเกษียณในส่วนที่ยังขาด
- ผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุน (Expected Return): เราต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนเท่าไหร่ต่อปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเกษียณ
ทั้งนี้เราอาจจะต้องมาปรับจูนด้วยด้วยว่า เงินที่จะเก็บต่อเดือน กับผลตอบแทนคาดหวัง ทำยังไงให้มัน Balance และพาเราไปถึงเป้าหมายครับ
Step 1: คำถามแรก ๆ ที่ต้องตอบในการวางแผนเกษียณ
เกษียณเมื่อไหร่?
ตั้งเป้าหมายว่าเราจะหยุดทำงานเมื่ออายุเท่าไหร่?
อายุที่เราจะเกษียณมีผลต่อระยะเวลาในการเก็บออมและจำนวนเงินที่ต้องมีในวันเกษียณ
ตายเมื่อไหร่?
แม้ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเราจะอายุยืนไปถึงเมื่อไหร่ แต่การกำหนดอายุขัยของตัวเองจะช่วยให้เราวางแผนเกษียณได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นครับ
ตัวเลขนี้เราอาจจะใช้อายุเฉลี่ยของคนไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 77 ปี

หรือเราอาจจะใช้อายุขัยของปู่ย่าตายายของเราก็ได้ครับ
ว่าคนในครอบครัวเรามีอายุนานแค่ไหน
เกษียณกับใคร?
คู่สมรส ครอบครัว ญาติพี่น้อง อยู่กับเพื่อนสนิท หรือคนเดียว?
อยู่ที่ไหน?
แพลนจะอยู่ในเมืองไหม หรืออยากกลับบ้านไปต่างจังหวัด? อยู่บ้านพ่อแม่ หรือจะซื้อบ้านตัวเอง?
หรือจะอยู่บ้านพักคนชรา
สถานที่อยู่จะมีผลต่อการคำนวณค่าครองชีพที่เราต้องคำนึงถึงด้วยครับ
Step 2: คำนวณ ค่าใช้จ่าย หลังเกษียณ
ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณมีอยู่ทั้งหมด 4 ก้อนด้วยกันครับ

1. Need: ค่าใช้จ่ายจำเป็น
ส่วนนี้คือค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้
ตัวอย่างค่าใช้จ่าย:
- ค่าที่พัก (เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าประกันอัคคีภัย อุทกภัย)
- ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต
- ค่าอาหารและเครื่องดื่ม
- ค่าเดินทาง (เช่น ค่าน้ำมัน หรือค่ารถสาธารณะ)
2. Want: ค่าใช้จ่ายพิเศษ
ค่าใช้จ่ายที่ช่วยเพิ่มความสุขและคุณภาพชีวิต แต่ไม่ถึงขั้นจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ตัวอย่างค่าใช้จ่าย:
- การท่องเที่ยว
- การช้อปปิ้งหรือซื้อของฟุ่มเฟือย
- การเข้าสังคม เช่น ทานข้าวนอกบ้าน
- งานอดิเรก เช่น เล่นกีฬา เรียนศิลปะ หรือดนตรี
3. Healthcare: ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ
ส่วนนี้มักเป็นค่าใช้จ่ายที่หลายคนไม่ได้คำนึงถึง เพราะอย่าลืมว่ายิ่งเราอายุเยอะ โอกาสในการเข้าโรงพยาบาลยิ่งบ่อยขึ้น ค่าใช้จ่ายในเรื่องสุขภาพก็จะยิ่งเยอะตาม
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในวัยเกษียณทั้งหมด
ซึ่งหลัก ๆ ผมแนะนำให้แบ่งเป็น 2 ก้อน ครับ
- ค่าประกันสุขภาพสำหรับนอนโรงพยาบาล [หากเลือกใช้ประกันสุขภาพเป็นสวัสดิการ]
- ค่าทุนค่ารักษาพยาบาล เช่น ค่าตรวจสุขภาพประจำปี ค่าผู้ดูแลหรือบ้านพักคนชรา ค่ายา/อุปกรณ์สิ้นเปลืองเพิ่มเติมที่ไม่สามารถเบิกได้จากสวัสดิการของเรา
การประเมินค่าใช้จ่ายประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับตนเอง
ส่วนมากเวลามีคนปรึกษาเรื่องประกันสุขภาพ ผมมักจะแนะนำให้ทำแบบวงเงินเหมาจ่าย เพราะมันช่วยให้เราวางแผนค่าใช้จ่ายหลังเกษียณได้ง่ายขึ้นครับ
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายคือ การให้วงเงินทุนค่ารักษากรณีนอนโรงพยาบาล จำนวนหนึ่งต่อรอบปีกรมธรรม์
หากเราใช้ไม่หมดก็จะ Reset ใหม่ ในรอบปีถัดไป
ทีนี้ค่ารักษาพยาบาลเป็น sector นึงที่เงินเฟ้อค่อนข้างเร็วถึง 7-10% ต่อปีครับ

สิ่งที่เราควรประเมินคือ แล้วคิดว่าตอนหลังเกษียณ เราจะมีค่าใช้จ่ายกรณีนอนโรงพยาบาลกี่บาทต่อปี แล้วคำนวนเผื่อเงินเฟ้อไปข้างหน้าครับ
ซึ่งผมคำนวณเงินเฟ้อไปแล้วได้ทุนค่ารักษาที่เราจะใช้ต่อปีรวมเงินเฟ้อในปี 10, 20, 30, 40, 50, 60 ปีข้างออกมาเป็นตารางให้แล้วดังนี้ครับ

ตรงนี้เราอาจจะต้องกะกันเองว่าจะใช้ปีละประมาณเท่าไหร่ ซึ่งผมมีตัวเลขค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ของ AIA มาประกอบการประเมินค่าใช้จ่ายครับ

ถ้าสมมติว่าเลือกเอากลาง ๆ ก็ประมาณ 300,000 บาทต่อปี ผ่านไป 40 ปีรวมเงินเฟ้อ จะใช้เงินอย่างน้อยประมาณ 5,000,000 บาท ต่อปี จึงเลือกทำประสุขภาพแบบเหมาจ่าย 5,000,000 บาท เผื่อไว้สำหรับอนาคตครับ

ซึ่งจะใช้เบี้ยตอนอายุ 60-85 รวมแล้วประมาณ 3,000,000 บาท นั่นเอง
ส่วนในเรื่อง ทุนค่ารักษาพยาบาล ตรงนี้จะเป็นเงินก้อนที่เราต้องการเตรียมไว้สำรองสำหรับเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น ค่าตรวจสุขภาพประจำปี ค่าผู้ดูแลหรือบ้านพักคนชรา ค่าทำหน้าก็ได้นะ หรือทุนสำรองกรณีเกิดโรคร้ายแรงขึ้น เช่น มะเร็ง
ตัวเลขตรงนี้ขึ้นอยู่กับความสบายใจ สิทธิ์ และสวัสดิการที่เรามีอนู่แล้วว่าครอบคลุม ไม่ครอบคลุมอะไรบ้าง และ Lifestyle ด้านสุขภาพ ที่เราต้องการเป็นแบบไหน
เพราะฉะนั้น แต่ละคนจะไม่เหมือนกันครับ

[CLICK] อ่านบทความ Wealth Clinic the Series EP02: การวางแผนการเงินเรื่อง ความเสี่ยง และการประกัน
4. Extra: ค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น ๆ ที่ต้องใช้เงินก้อน (Optional)
ส่วนนี้เป็นค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น ๆ ที่ต้องใช้เงินก้อนขึ้นอยู่กับความต้องการ ความจำเป็นของแต่ละคนครับ
ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะค่อนข้างกว้าง ตัวอย่างเช่น
- ค่า Renovate บ้าน
- ค่า ซื้อรถใหม่ (อย่าลืมว่า ถ้าเราใช้รถคันเดิม 30 จนถึง 60 ปี คือเราใช้รถคันนี้ไป 30 ปี แล้วนะครับ)
- ค่าการศึกษาบุตร
Step 3: คำนวณ เงินทุนเกษียณ
💡 เงินทุนเกษียณ = ค่าใช้จ่ายต่อเดือน x 12 x จำนวนปีที่เกษียณจนสิ้นอายุขัย
เราจะได้เงินทุนที่ต้องมีอย่างน้อยในวันที่เราถึงอายุวัยเกษียณ
หลังจากนั้นให้เราเอาทุนเกษียณที่ต้องใช้ทั้งหมดมารวมกัน
NEED + WANT + HEALTH + EXTRA
แต่อย่าลืมว่ามูลค่าที่เราคำนวณได้ยังไม่ได้รวมเงินเฟ้อในอนาคตข้างหน้าจนถึงวันที่เราเกษียณ
เพราะฉะนั้นเราต้องเอาเงินทุนเกษียณไปคิดเงินเฟ้อตามสูตรมูลค่าเงินตามเวลาให้เป็นมูลค่าปัจจุบันด้วยครับ

โดยอัตราดอกเบี้ยในที่นี้สามารถใส่เป็นอัตราเงินเฟ้อแทนได้ครับ
เราลองมาดูตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพไปพร้อม ๆ กันครับ
ตัวอย่างแผนเกษียณ: วางแผนชีวิตหลังอายุ 60 ปีในวัย 30 ปี
ในตัวอย่างนี้ผมจะแสดงวิธีคิดการหาทุนเกษียณตาม Lifestyle ที่เราต้องการโดยคำนวนเงินเฟ้อไปด้วยทีละบรรทัดครับ
แต่ข่าวดีคือ เพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องทดกระดาษแต่อย่างใด เพราะเรามีเครื่องมือวางแผนเกษียณ แจกให้เพื่อน ๆ ไปใช้กันฟรี ๆ ครับ 😀
แต่อย่าเพิ่งข้ามไปใช้เครื่องคิดเลขเลยนะครับ
ลองมาดูตัวอย่างที่มาของการคำนวนกันก่อน ถ้าพร้อมแล้วเริ่มเลย!
ข้อมูล และสมมติฐาน:
- อายุปัจจุบัน: 30 ปี
- อายุเกษียณ: 60 ปี (มีเวลาลงทุน 30 ปี)
- อายุขัย: 85 ปี (ใช้เงินเกษียณ 25 ปี)
- สถานที่เกษียณ: ต่างจังหวัด
- สถานะหนี้: ผ่อนบ้านหมด ณ วันเกษียณ
- เงินเฟ้อเฉลี่ย: 3.5% ต่อปี
เป้าหมายการใช้จ่าย:
1. ค่าใช้จ่ายพื้นฐาน (Need):
– 20,000 บาท/เดือน
– ค่าใช้จ่ายพื้นฐานต่อปี: 20,000 × 12 = 240,000 บาท/ปี
– ค่าใช้จ่ายพื้นฐานตลอด 25 ปี: 240,000 × 25 = 6,000,000 บาท
2. ค่าใช้จ่ายพิเศษ (Want):
– เที่ยว: 10,000 บาท/เดือน
– อาหารดี ๆ: 3,000 บาท/เดือน
– ช้อปปิ้ง: 5,000 บาท/เดือน
– เกมมิ่ง: 2,000 บาท/เดือน
– รวม: 20,000 บาท/เดือน
– ค่าใช้จ่ายพิเศษต่อปี: 20,000 × 12 = 240,000 บาท/ปี
– ค่าใช้จ่ายพิเศษตลอด 25 ปี: 240,000 × 25 = 6,000,000 บาท
3. ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ (Health-Care):
– เบี้ยประกันสุขภาพสำหรับอายุ 60-85 ปี
– AIA 20PLNP ทุนประกันชีวิต 100,000 บาท
– สัญญาเพิ่มเติม Health Happy เหมาจ่าย 5,000,000 บาทต่อปี
– รวมเบี้ยช่วงอายุ 60-85 ปี: ประมาณ 3,000,000 บาท
– ทุนค่าใช้จ่ายสำรองสำหรับเรื่องสุขภาพ: 1,000,000 บาท
4. มีแพลนซื้อรถใหม่ (ETC.):
– รถยนต์ราคา 300,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างก่อนคิดเงินเฟ้อ:
รวมเงินทุนเกษียณก่อนคิดเงินเฟ้อ = Need+Want+Health+EXTRA
รวมเงินทุนเกษียณก่อนคิดเงินเฟ้อ = 6,000,000+6,000,000+3,000,000+1,000,000+300,000 = 16,300,000 บาท
ปรับเงินเฟ้อ:
ใช้สูตร:
FV = PV × (1 + r)^n
- PV (รวมเงินทุนเกษียณก่อนคิดเงินเฟ้อ): 16,300,000 บาท
- r (เงินเฟ้อ): 3.5% = 0.035
- n (จำนวนปีจนถึงวันเกษียณ): 30 ปี
FV = 15,300,000 × (1 + 0.035)^{30}
FV = 15,300,000 × 2.853
FV ≈ 45,750,000 บาท
แปลว่า เราต้องใช้เงินทุนเกษียณเป็น จำนวน 45,750,000 บาท ตอนอายุ 60 ปี ถึงจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายจนสิ้นอายุขัยอายุ 85 ปี นั่นเอง (สมมติว่าผลตอบแทนหลังเกษียณเท่ากับเงินเฟ้อ)
Step 4: หาเงินที่ต้องเตรียมต่อเดือน และผลตอบแทนคาดหวังต่อปี ตัวอย่างการใช้เครื่องมือวางแผนเกษียณของเรา
จากตัวอย่างการคำนวณเมื่อกี้ เราสามารถใช้เครื่องมือแผนเกษียณช่วยได้เพื่อหาเงินที่ต้องเตรียมต่อเดือน และผลตอบแทนคาดหวังต่อปี ที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายครับ
ใส่ตัวแปรดังนี้
ข้อมูลส่วนตัว
- อายุปัจจุบัน: 30 ปี
- อายุเกษียณ: 60 ปี
- อายุขัย: 85 ปี
ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
- [NEED] ค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือน หลังเกษียณ: ฿20,000
- [WANT] ค่าใช้จ่ายพิเศษต่อเดือน หลังเกษียณ: ฿20,000
- [HEALTH] เบี้ยประกันสุขภาพ หลังเกษียณ: ฿3,000,000
- [HEALTH] ทุนค่ายใช้จ่ายอื่น ๆ ด้านสุขภาพ หลังเกษียณ: ฿1,000,000
- [ETC.] ค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น ๆ: ฿300,000
เงินทุนตั้งต้นและการลงทุน
- เงินทุนตั้งต้นวันนี้: ฿300,000
- เงินลงทุนเพิ่มต่อเดือน: ฿25,000
- เงินทุนเกษียณ: ฿33,680,596
เงินเฟ้อ และผลตอบแทน
- เงินเฟ้อ: 3.5% ต่อปี
- ผลตอบแทนคาดหวัง (ระยะสะสม): 8.0%
- ผลตอบแทนคาดหวัง (ระยะใกล้เกษียณ): 5.0%
- ระยะปรับพอร์ตการลงทุนก่อนเกษียณ: 5 ปี
- ผลตอบแทนคาดหวัง (ระยะหลังเกษียณ): 5.0%
ได้ผลลัพธ์ดังนี้

แปลว่าแผนเกษียณของเราเป็นไปได้นั่นเอง
ทำไมแอพคำนวณได้เงินทุนเกษียณน้อยกว่าแบบที่เราคำนวณ?
คำตอบก็คือ ตอนเราคำนวณค่าใช้จ่ายเรื่องแผนเกษียณ เราคำนวณในสมมติฐานที่ว่าเงินทุนเกษียณ ณ อายุเกษียณของเรานั้น ไม่ได้สร้างผลตอบแทนอะไรเพิ่มเลยหลังเกษียณ
ซึ่งไม่ตรงกับความจริงสักเท่าไหร่ เพราะถึงแม้ว่าเราจะเกษียณ และเริ่มถอนเงินออกมาใช้แล้ว เงินทุนส่วนที่เหลือก็ยังสามารถทำงานต่อไปได้ ผมจึงทำช่องปรับผลตอบแทนหลังเกษียณไว้นั่นเอง
ถ้าเราปรับผลตอบแทนหลังเกษียณให้เท่ากับเงินเฟ้อ (3.5%) ก็จะพบว่าได้ตัวเลขพอ ๆ กับที่เราคำนวณเมื่อกี้นั่นเอง

นอกจากนี้ ในส่วนของเบี้ยประกันสุขภาพ 3,000,000 บาท ที่เราคำนวณได้ เราไม่ได้ต้องจ่ายก้อนเดียวตอนอายุ 60 แต่เราค่อย ๆ ทยอยจ่ายทีละปี ๆ นั่นเอง ซึ่งในเครื่องมือนี้เรากระจายเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายทั้งหมดมาทยอยจ่ายปีต่อปีแบบเฉลี่ยครับ
ทำไมต้องมีระยะการปรับพอร์ตการลงทุนก่อนเกษียณ? มันคืออะไร?
คำตอบ ในช่วงที่เราอายุน้อยรับความสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้สูงเนื่องจากเรายังไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้
แต่เมื่อเราใกล้เกษียณมากขึ้น ความผันผวนจะเริ่มน่ากลัวครับ
ลองนึกภาพว่าเราคำนวณไว้แล้วว่าจะเกษียณตอนอายุ 60 ด้วยเงิน 10,000,000 บาท จะพอต่อการใช้ชีวิตไปถึงอายุ 85 ปี
แต่ตอนอายุ 59 ดันเกิดวิกฤติตลาดหุ้นถล่ม S&P500 -20% ซึ่งเป็นตัวเลขที่เป็นไปได้ในเวลาเกิดวิกฤติ
เงินทุนเกษียณเราจากที่มีอยู่แล้ว 10,000,000 บาท เหลือ 8,000,000 บาท ทำไมให้เราเกษียณไม่ทันตอนอายุ 60 ปี
ตรงนี้เราเรียกว่า Sequence of return risk หรือความเสี่ยงในการถอนเงินในช่วงตลาดเป็นขาลง
เพราะฉะนั้นผมจึงแบ่งผลตอบแทนคาดหวังของการลงทุนเป็น
3 ระยะนั่นเอง คือ
- ระยะสะสม (เสี่ยงได้มากสุด)
- ระยะใกล้เกษียณ (เสี่ยงได้น้อยลง)
- ระยะหลังเกษียณ (เสี่ยงได้น้อยที่สุด)
ให้ผู้อ่านเอาไปปรับใช้กับตัวเองครับ
ส่วน “ปรับพอร์ตการลงทุนก่อนเกษียณกี่ปี” ก็คือจำนวนปีก่อนเกษียณที่เราจะปรับผลตอบแทนให้เป็น “ระยะใกล้เกษียณ” นั่นเอง
Step 5: Take Action! [Retirement Planning Tool by Isara Wealth]

ดูตัวอย่างกันไปแล้วถึงตาของคุณแล้วล่ะ! ว่าแผนเกษียณของคุณต้องใช้เงินเท่าไหร่
สามารถคลิกที่ลิงก์ด้านล่างเพื่อไปหน้าเครื่องมือวางแผนเกษียณได้เลยครับ
[CLICK] Retirement Planning Tool by Isara Wealth
ก่อนออกเดินทาง…
หลังจากที่เราคำนวณเงินทุนที่เราต้องใช้แล้ว ให้กลับมานั่งเช็คงบการเงินส่วนบุคคลของเรากันครับว่าตอนนี้มีทรัพย์สินเท่าไหร่แล้ว
มีรายได้ หรือมูลค่าการลงทุนจากอสังหาฯ ธุรกิจ หุ้น คริปโต กองทุน แล้วเท่าไหร่บ้าง?
นอกจากนี้อย่าลืมดูด้วยว่าหลังเกษียณ หนี้ ยังเหลือไหม? ถ้ายังเหลือต้องเตรียมเงินไว้เท่าไหร่?
เราก็เอาส่วนที่เรามีแล้วไปหักลบกับเงินทุนเกษียณที่เราต้องใช้ ทำให้รู้ว่าตอนนี้เราต้องเตรียมเพิ่มอีกเท่าไหร่ครับ
แผนการเงินจึงจำเป็นต้องมีการทบทวนทุกปีนั่นเอง
แล้วถ้าเงินที่เราสะดวกทยอยออมต่อเดือน ณ ตอนนี้มันยังไม่พอต่อแผนเกษียณของเราล่ะ ต้องทำอย่างไร?
จะบอกว่าเป็นปกตินะครับ อย่าพึ่งตกใจ หรือเสียกำลังใจไปครับ การที่เรารู้ตัวตั้งแต่วันนี้ว่าเราไม่สามารถเก็บเงินได้พอ ทำให้เรามีเวลาวางแผนได้
วิธีแก้ก็คือ
- เพิ่มรายได้ปัจจุบัน: เช่น หางานพิเศษหรือเพิ่มแหล่งรายได้ เพื่อเพิ่มเงินสะสมต่อเดือน
- เพิ่มระยะเวลาการลงทุน: เช่น เกษียณช้ากว่า 60 ปี อาจขยับเป็น 65 ปี เป็นต้นครับ
- เพิ่มผลตอบแทนการลงทุน: ศึกษาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 8% แต่ทั้งนี้ก็จะต้องมั่นใจว่าความรู้ที่เรามีนั้น สามารถรับมือความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นได้ครับ แนะนำเริ่มจากเงินน้อย ๆ ก่อน
- ลดค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ: เช่น ลด Want หรือ Extra เพื่อลดเป้าหมายเงินทุนสะสมครับ
Bottomline
จบไปแล้วนะครับสำหรับบทความการวางแผนเกษียณ จริง ๆ แล้วยังเหลือเนื้อหาอีกในส่วนของ “การวางแผนหลังเกษียณ” เพราะใช้องค์ความรู้อีกแบบเลย
ไว้ผมจะนำมาแชร์ในบทความต่อ ๆ ไปในอนาคตครับผม
ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านเดินทางสู่การเกษียณอย่างเป็นสุขกันทุกคนนะครับ
ผมใช้เวลาเขียนนานพอสมควร เพราะทั้งเขียน ทั้งเตรียมเครื่องมือช่วยวางแผนเกษียณ หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์กันครับ 🙂
หากใครมีคำถาม ข้อสงสัย ตรงส่วนไหน หรืออยากให้ปรับปรุงพัฒนา สามารถทักมาในเพจได้เลยครับ
https://www.facebook.com/isarawealth.th