ดัชนี NASDAQ 100 คืออะไร?

ดัชนี NASDAQ 100 เป็นดัชนีที่ออกโดยบริษัทที่ชื่อว่า NASDAQ Inc. (Ticker หุ้น: NDAQ) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ (ใช่ครับ ใช้ชื่อเหมือนกันเลย)
เหตุผลที่ชื่อเหมือนกันเลยก็เพราะว่าบริษัท NASDAQ Inc. เป็นคนสร้างตลาด NASDAQ ที่มีนวัตกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านทางคอมพิวเตอร์ในปี 1971 ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มากในสมัยนั้น ต่างจาก New York Stock Exchange (NYSE) ที่ยังใช้ระบบซื้อขายกันที่ Floor อยู่
ตลาด NASDAQ จึงสามารถดึงดูดบริษัทสมัยใหม่เข้ามาได้จำนวนมาก และกลายเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายมากเป็นอันดับ 2 ของโลกในปัจจุบัน
บริษัท NASDAQ Inc. มีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นการซื้อขาย รายได้จากการจดทะเบียนบริษัทต่าง ๆ เข้าตลาดตนเอง และมีรายได้จากการให้บริการด้านข้อมูลในตลาดของตนเองให้แก่สถาบันการเงิน โบรกเกอร์ สื่อ และธุรกิจต่าง ๆ แล้ว แถมยังมีรายได้จากการให้บริการจากการออกดัชนีอย่าง NASDAQ Composite และ NASDAQ 100 Index ที่เราจะคุยกันวันนี้นั่นเอง
ดัชนี NASDAQ 100 เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น Growth ขนาด Large-cap ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่ 100 แห่งจากสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศในกลุ่มที่ไม่ใช่บริษัทการเงินที่มีมูลค่าตลาด (Market Capitalization) สูงสุด
โดยหุ้นที่มีน้ำหนักในตลาดมากที่สุดก็เป็นหุ้นที่เรารู้จักคุ้นเคยกันดีอย่าง Apple, Microsoft, และ NVIDIA ครับ 10 ตัวแรกที่มีสัดส่วนมากที่สุดตามข้อมูล ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2024 มีดังนี้
- APPLE คิดเป็นสัดส่วน 8.98%
- MICROSOFT คิดเป็นสัดส่วน 8.39%
- NVIDIA คิดเป็นสัดส่วน 7.25%
- Boardcom คิดเป็นสัดส่วน 4.87%
- META PLATFORMS Class A คิดเป็นสัดส่วน 4.87%
- Amazon คิดเป็นสัดส่วน 4.76%
- Tesla คิดเป็นสัดส่วน 2.74%
- Costco Wholsale คิดเป็นสัดส่วน 2.64%
- ALPHABET Class A คิดเป็นสัดส่วน 2.64%
- ALPHABET Class C คิดเป็นสัดส่วน 2.63%

โดยเมื่อแบ่งแยกย่อยเป็นแต่ละ Sector ก็จะพบว่าดัชนีค่อนข้างที่จะให้น้ำหนักสัดส่วนไปภาคส่วน Information Technology หรือหุ้นเทคมากที่สุด (49.81%) ทำให้เป็นภาพจำของหลายคนไปเลยว่าดัชนีนี้เป็นดัชนีหุ้นเทค
ตามมาด้วยกลุ่ม Communication Services (15.94%) และกลุ่ม Consumer Discretionary (12.52%)
ส่วนถ้ามองเป็นกลุ่มประเทศก็จะมีเป็นอเมริกาเกือบ 100% ครับ
วิเคราะห์ผลตอบแทนและความเสี่ยงย้อนหลัง
Return

เราลองมาดูผลตอบแทนย้อนหลังของดัชนี NASDAQ-100 กันครับ โดยผมให้สมมติฐานว่าเราใช้ ETF ที่ชื่อ QQQ ลงทุนเพื่อเลียนดัชนี NASDAQ 100 ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา
โดยหากคุณลงทุน $1 ในต้นปี 1999 โดยที่ไม่ถอน และนำเงินปันผลทั้งหมดกลับมาลงทุน 25 ปีผ่านไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมปี 2024 คุณจะมีเงินประมาณ $11.66 โดยสมมติว่าคุณได้นำเงินปันผลที่ได้ทั้งหมดมาลงทุนใหม่ นี่เป็นผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 1066.19% หรือผลตอบแทนทบต้น 10.15% ต่อปี
ซึ่งพอเราปรับมามองภาพให้ใกล้กับปัจจุบันมากขึ้นก็จะพบว่าผลตอบแทนทบต้นต่อปีของดัชนี NASDAQ 100 อยู่ที่
- 10.15% ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา
- 14.82% ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
- 18.31% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
- 20.54% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
- 9.63% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
- 23.62% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

นำข้อมูลผลตอบแทนในแต่ละปีจาก 25 ปีที่ผ่านมา มา Plot Histogram โดยจากรูปด้านล่างนี้ในแกนแนวนอนคือผลตอบแทนจากดัชนีนี้ในแต่ละปี คิดแบบ Calendar Year คือต้นปีจนถึงจบปีว่าแต่ละปีดัชนีให้ผลตอบแทนในช่วงกี่ % ส่วนแกนตั้งคือจำนวนปีที่ให้ผลตอบแทนในช่วงนั้น จะเห็นได้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่แล้วจะไปกองเยอะในแดนบวกครับนั่นคือช่วง 0-60% เลย

ส่วนภาพนี้ผมนำรูปที่เค้าแยกผลตอบแทนกำไร/ขาดทุน ออกมาเป็นปี ๆ 25 ปี ย้อนหลัง เพื่อที่เพื่อน ๆ จะได้เห็นภาพว่าในแต่ละปีตลาดให้ผลตอบแทนออกมาหน้าตายังไงบ้างครับ

Risk
ดูเรื่องผลตอบแทนกันแล้วมาดูเรื่องความเสี่ยงกันบ้างครับ 20 ปีที่ผ่านมา NASDAQ 100 ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 14.82% โดยมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) อยู่ที่ 18.32% (ในด้านการเงินเราตีความว่ามันคือค่าความผันผวน เป็นวิธีวัดความเสี่ยงแบบหนึ่ง) ซึ่งเราสามารถนำมาพลอตเป็นกราฟ Normal Distribution ได้หน้าตาแบบนี้

ซึ่งตีความได้ว่า 68% ของเหตุการณ์ทั้งหมดผลตอบแทนของตลาดจะอยู่ระหว่าง -3.50% ถึง 33.14% ต่อปี ส่วน 95% ของเหตุการณ์ทั้งหมดผลตอบแทนของตลาดจะอยู่ระหว่าง -21.82% ถึง 51.46% ต่อปี
ส่วนถ้าเรามองแค่โอกาสที่จะเกิดการขาดทุนอย่างเดียวโอกาสที่จะขาดทุนเกิน -3.50% (-1 S.D.) จะอยู่ที่ 16% และโอกาสที่จะขาดทุนเกิน -21.82% (-2 S.D.) คือ 2.5% ครับ
Drawdown

Drawdown คือการลดลงของมูลค่าพอร์ตการลงทุนจากจุดสูงสุด (peak) ไปยังจุดต่ำสุด (trough) ในช่วงเวลาหนึ่ง หรือแปลง่าย ๆ ก็คือมาตรวัดความดอยจากจุดสูงสุดในแต่ละช่วงเวลานั่นเองครับ
จากกราฟจะเห็นได้ว่า Drawdown ที่หนักที่สุดของ NASDAQ 100 เกิดขึ้นเมื่อปี 2000 จากวิกฤต Dot Com Crisis ติดดอย (Underwater period) ลงไปถึง -81.08% นานถึง 175 เดือน หรือ 14.5 ปี! นานแบบว่าผมเรียนมัธยนจนจบหมอแล้วก็ยังไม่หลุดดอย ฮ่า ๆ
ดังนั้นก็จงระลึกไว้ว่าดอย NASDAQ ก็โหดไม่แพ้ผลตอบแทนเช่นกันครับ

เทียบ NASDAQ 100 กับดัชนีเพื่อนบ้าน 10 ปีที่ผ่านมา

จริง ๆ ผมเคยเปรียบเทียบข้อมูล ของดัชเพื่อนบ้านอย่าง S&P 500 และ MSCI ACWI มาแล้วฝนโพสของสองดัชนีนี้ครับ ดังนั้นถ้าใครยังไม่เคยอ่านก็แนะนำให้ลองไปศึกษาในสองบทความนั้นดูครับ
แต่สรุปสั้น ๆ คือ NASDAQ 100 ผลตอบแทนเยอะสุด ความผันผวนเยอะสุด และ Drawdown ก็โหดสุดใน 20 ปีที่ผ่านมาครับ ส่วน S&P 500 คือตรงกลางของทุกอย่าง และ ACWI ผลตอบแทนน้อยสุด แต่ความผันผวนก็ต่ำสุดเช่นกันครับ

ลงทุนตามดัชนี NASDAQ 100 เหมาะกับใคร
ผมคิดว่า NASDAQ 100 Index เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงจากความผันผวนได้มากครับ เพราะดัชนีนี้มักจะขึ้นแรงและเร็วกว่าชาวบ้านในช่วงที่เป็นตลาดขาขึ้น
อาจจะพอเป็นพอร์ต Core Portfolio ได้สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้มากและมีเวลาลงทุนอย่างน้อย 20 ปีขึ้นก่อนการเกษียณครับ
แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการรับความเสี่ยงมากขนาดนั้นอาจจะใช้ดัชนีนี้ในการปรับให้พอร์ต Overweight/Underweight หุ้นอเมริกาหรือหุ้นเทคในช่วงที่เป็นตลาดขาขึ้น และลดส่วนในช่วงที่เป็นตลาดขาลง ตาม Tactical Strategy ของที่แต่ละคนเลือกใช้ก็พอครับ
อีกอย่างคือดัชนีนี้ค่อนข้างเหมาะกับ Trader หรือนักลงทุนที่ใช้ Leverage เป็นด้วยครับ
มี Leverage ETF และ Inverse ETF x2 x3 ให้เล่นกันสนุกเลย🤣
อยากลงทุนใน NASDAQ 100 ซื้อที่ไหนได้บ้าง?
ทางเลือกที่ 1: ซื้อผ่านกองทุน ETF

ทางเลือกที่ 2: ซื้อผ่านกองทุนรวม บลจ. ไทย


หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะครับ ถ้ามีข้อผิดพลาดในเรื่องของข้อมูลตรงไหนสามารถทักมาบอกผมในเพจได้เลยนะครับ
หากใครชอบบทความนี้ อย่าลืมกดแชร์ และกดติดตามกันไว้เพื่อให้ไม่พลาด Content ดี ๆ อีกนะครับ ^^
Reference
https://fred.stlouisfed.org/series/NASDAQ100
https://www.thestreet.com/etffocus/trade-ideas/qqq-qqqm-qqqj-what-to-expect-big-3-nasdaq-etfs
https://www.investopedia.com/terms/n/nasdaq.asp
https://www.thaibma.or.th/pdf/Article/NASD.pdf
https://www.lazyportfolioetf.com/portfolio-backtest-and-simulation
https://etfdb.com/index/nasdaq-100-index

